เพจต่อต้านข่าวปลอม ยัน! ผอ.โรงพยาบาลศิริราช ประกาศ ลดความเสี่ยงโควิด งดเยี่ยมคนไข้ทุกราย มีผล 4 มกราคม 2565 เป็นต้นไป 6 ม.ค. 65 เพจ “ต่อต้านข่าวปลอมแห่งประเทศไทย” โพสต์รายงานการเข้าสอบถาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ถึงประเด็นการงดให้เยี่ยมผู้ป่วยทุกราย ตั้งแต่ 4 ม.ค. 65 เป็นต้นไปเป็นเรื่องจริงหรือไม่? และคำตอบของผู้อำนวยการกล่าวว่าเป็นเรื่องจริง เหตุเพราะต้องการป้องกันความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเนื้อหาภายในโพสต์มีดังนี้
“รพ. ศิริราช งดให้เยี่ยมผู้ป่วยทุกราย ตั้งแต่ 4 ม.ค. 65 เป็นต้นไป จริงหรือ?
ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวสารในประเด็นเรื่อง รพ. ศิริราช งดให้เยี่ยมผู้ป่วยทุกราย ตั้งแต่ 4 ม.ค. 65 เป็นต้นไป ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
นายแพทย์วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ออกประกาศเรื่องการเข้าเยี่ยมหรือเฝ้าไข้ผู้ป่วย เพื่อควบคุม ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปี 2565
โดยประกาศดังกล่าวระบุว่าด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงขอความร่วมมือผู้รับบริการ “งดเยี่ยมผู้ป่วยทุกราย” และจำกัดคนเฝ้าไข้ 1 คนต่อ 1 ห้อง โดยขอความร่วมมือไม่เปลี่ยนคนเฝ้าไข้
ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลแนะนำให้ญาติผู้ป่วยเยี่ยมผ่านทางโทรศัพท์ วิดีโอคอล หรือวิธีอื่น แทนการเดินทางมาโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและญาติ จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสทั้งนี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 4 มกราคม 2565 เป็นต้นไป”
ปลดทหารเรือเมากร่าง ปลัดกระทรวงกลาโหม สั่งให้ออกจากราชการ เป็นนายทหารกองหนุน ไม่มีเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ฐาน ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
ปลดทหารเรือเมากร่าง วันที่ 7 ม.ค.65 พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 14/2565 เรื่อง ให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
อาศัยอำนาจตามข้อบังคับ กห.ว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อนและลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ.2502
หมวด 1 ข้อ 4 (2) และข้อบังคับทหาร ที่ 11/16536 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2482 ว่าด้วยการแบ่งประเภทนายทหารสัญญาบัตร มาตรา 4 ข้อ 2 และข้อ 12 กับคำสั่ง กห.(เฉพาะ) ที่ 281/60 ลง 27 พฤษภาคม 2560 เรื่อง มอบอำนาจให้ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ ทำการแทนและสั่งการในนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผนวก ก ข้อ 1.43
ฉะนั้น จึงให้ปลด น.อ.อลงกรณ์ ปลอดดี ร.น. หมายเลขประจำตัว 1325801253 (พรรค นว.) ประจำ ฐท.สส. ออกจากราชการ เป็น นายทหารกองหนุน ไม่มีเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ สังกัด กพ.ทร.
เนื่องจากกระทำผิดวินัยทหารฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ สั่ง ณ วันที่ 7 มกราคม 2565
ก่อนหน้านี้ ทหารเรือเมากร่าง รายนี้ หรือ น.อ.อลงกรณ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้มีคลิปเผยแพร่บนโลกโซเชียลจนถูกวิจารณ์หนัก ถามหาว่า ทหารเรือเมากร่าง คือใคร กรณีอ้างเป็นนายทหารระดับสูง พูดจาคล้ายคนมึนเมา ปาแก้วและพูดจาหยาบคายใส่ตำรวจ แถมยังอ้างเป็นเพื่อน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ต่อมาเมื่อ พล.ร.อ. สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้รับรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้มีคำสั่งให้รับการธำรงวินัย ณ ศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือ พร้อมดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป
โดยผู้บังคับบัญชาสองระดับชั้นของ น.อ. อลงกรณ์ คือ พล.ร.อ. สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.ร.ท. นฤพล เกิดนาค ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้เข้ารับการธำรงวินัยเพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วย กระทั่งล่าสุด มีหนังสือคำสั่งปลดออกจากราชการในวันนี้ (7 ม.ค.)
โดยเงินที่เราขอไป 2.3 พันล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน โดย 1.3 พันล้านเป็นส่วนพัฒนาวัคซีน ทดลองในอาสาสมัคร ส่วนอีก 1 พันล้านเป็นค่าใช้จ่ายวัตถุดิบและการผลิตหลักล้านโดสขึ้นไป ทั้งหมดทำให้การทำงานง่ายขึ้น จึงต้องกราบขอบพระคุณ และจะใช้ทุกบาททุกสตางค์อย่างรอบคอบ และใช้ตามจริง” ศ.นพ.เกียรติ กล่าว
นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า “กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ได้บูรณาการความร่วมมือเพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 โดยคำนึงถึงความยินยอมของคู่กรณีเป็นสำคัญ ทำให้ข้อพิพาทยุติได้ก่อนขึ้นสู่ศาล ลดปัญหาความขัดแย้ง ลดค่าใช้จ่าย ในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างคู่กรณีและความสมานฉันท์ในสังคม ภายหลังจากลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ทั้งสองหน่วยงานจะได้ร่วมกันจัดมหกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้แก่ลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่มีจำนวนกว่าหนึ่งล้านรายทั่วประเทศ”